หงส์แดงกับอนาคตที่สดใสรออยู่

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแข่งขันของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่มีการแข่งขันใดๆในช่วงนี้ซึ่งยังไม่มีข้อยุติออกมาเลยว่าจะยังคงแข่งต่อไปจนครบ 38 นัดตาม หรือ จะให้ยุติการแข่งไว้เพียง 29 นัดเท่านั้นแต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร แฟนบอลทั้งหลายก็คงทราบกันดีอยู่ภายในใจกันดีแล้วว่า ว่าที่แชมป์ฤดูกาล 2019-2020 นั่นคือ ทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูลขวัญใจของแฟนบอลชาวไทยที่น่าจะเข้าวินในการชูถ้วยลีกสูงสุดของอังกฤษค่อนข้างแน่นอน นั้นก็หมายถึงการประกาศศักดาคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี จนในที่สุดฝันที่แฟนของเดอะค็อปหวังไว้จะได้เห็นทีมรักชูถ้วยพรีเมียร์ลีกให้เต็มตามันก็ใกล้้จะเป็นจริงในอีกไม่ช้า

กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ต้องโดนล้ออย่างหนักจากแฟนบอลจากทีมอื่นไมว่าจะเป็นคู่ปรับตลอดกาลอย่าง  แมนฯ ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้ , เชลซี รวมถึงแม้กระทั่ง เอฟเวอร์ตัน ทีมร่วมแม่น้ำเมอร์ซีไซด์ ที่ต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยเวลาทีม ลิเวอร์พูลที่พ่ายแพ้แบบพลิกล็อคต่อทีมที่อ่อนด้อยกว่ามาก ทำให้เป็นเรื่องสนุกปากของเหล่าแฟนบอลทีมอื่นที่ชอบเห็นทีมหงส์แดงผิดหวังชอบช้ำ  แต่ประทานโทษ ในฤดูกาลล่าสุดคงจะไม่มีอะไรพลิกล็อกได้อีกแล้วในเมื่อมีคะแนนห่างจาก แชมป์เก่า แมนฯ ซิตี้ถึง 25 แต้ม น่าเป็นการยากถึงยากที่สุดที่ เป็น กวาดิโอล่าจะพา แมนฯ ซิตี้ป้องกันแชมป์ได้ นอกจากฝีมือของ กุนซืออย่างเจอร์เก้น คล็อป ที่เข้ามาปลุกวิญญาณนักสู้ในตัวนักเตะลิเวอร์พูลเราก็ปฎิเสธไม่ได้ถึงขุมกำลังปัจจุบันที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลสัมผัสกับถ้วยแชมป์อย่างยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีกเมื่อฤดูกาลก่อนอย่างยิ่งใหญ่และถ้วย ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ ในปีนี้กับเค้าบ้างแล้วหลังห่างเหินไปนานถึง 13 ปี  จะมีก็แค่แชมป์ เอฟเอคัพ ในปี 2006 ที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ถือถ้วยแชมป์กับหงส์แดงเป็นครั้งสุดก่อนภายหลังจากนั้นก็ไม่เข้าใกล้กับคำว่าแชมป์อีกเลยกับที่ไม่มีถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสร จนแฟนบอลพันธุ์ของเดอะคล็อปทำใจให้ชินกับการที่ตู้โชว์คงจะยักใย่เกาะเต็มแล้ว ซึ่งขุมกำลังที่ว่า นั่นก็คือ ขุมกำลังที่ถือว่าสมบูรณืพร้อมที่สุดของทีม เร้ด แมชชีน ประกอบไปด้วย สามทหารเสืออย่าง โมฮัมเหม็ด ซาล่า ซาดิโอมาเน่ โรเบร์โต้ เฟรฺมิโน่ ที่ยิงรวมกันถึง 38 ประตู ในฤดูกาลนี้ ที่ถ้าไม่เจ็บไม่ตาย คล็อปป์ ไม่มีทางให้นั่งทำหน้าเซ็งที่ข้างสนามเป็นอันขาด รวมทั้งแดนกลางที่ทำหน้าที่รับและรุกได้อย่างดีเยี่ยมไมว่าจะเป็น จอร์จิโอ ไวนัลดุม จอแดน เฮนเดอสัน และ ฟาบินโญ่ที่คอยคุมเกมแดนกลางได้อย่างสมดุล ยังไม่นับสี่แผงหลังที่เหนียยวยิ่งกว่ากาวตราช้างยากที่จะมีใครผ่านไปได้นำมาโย เวอร์จิล ฟาน ไดรฟ์ เดอยัน ลอฟเลน และฟูลสองแบ็คซ้ายขวาอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รสวมทั้ง เทรนด์ อล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เกิดอย่างปังในยุคของคล็อปหลังกุนซือเฮฟวี่เวทรายนี้ดึงเจ้าตัวจากเยาวชนจนตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่เก่งที่สุดในโลกไปแล้ว(ที่ทำตัวเหมือนเป็นเพลย์เมเกอร์คอยขึ้นเกมทั้งขึ้นทั้งลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายจะขาดไม่ได้เลยที่เข้ามาประกอบชิ้นส่วนสำคัญอีก 1 ชิ้นให้หงส์แดงแกร่งขึ้นไปเสียประตูยากเข้าไปอีกอีกนั่นคือ อลิสัน เบคเกอร์ นายทว่ารหน้าหมีชาวบราซิลที่ทีม ลิเวอร์พูลทุ่มหนักเพื่อเอามาแทน ลอริส คาริอุส นายทวารชาวเยอรมันที่มีดีแค่หล่อ หลังทำพลาดมหันในการรับลูกยิง กาเรธ เบลพลาดเข้าประตูจนหงส์แพ้ให้ เรอัลมาดริดในนัดชิงถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก ในปี 2017 ซึ่งการเข้ามาของผู้รักษาประตูเครางามรายนี้ทำให้ลิเวอร์พูลเก็บชัยในฤดกูาลนี้ได้ถึง 27 นัด เสมอและแพ้อย่างละ 1 นัดเพียงเท่านั้น

ทางมานั่งสำรองยังมีทีเด็ดทีขาดที่เปลี่ยนเกมส์ได้อย่าง แชร์ดาน ชากิรี่ หรือจะเป็น เทพเจ้า ดิว็อค โอริกีที่ี่มีพลังวิเศษมักลงมาเสกชัยให้ทีมหงส์แดงได้บ่อยครั้ง


ทั้งหมดที่กล่าาวมาข้างต้นเผยให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของทีม ลิเวอร์พูลที่ได้การสืบทอดวิญญาณนักสู้ จาก เจอร์เก้น คล็อปที่เปลี่ยนจากทีมที่แพ้ใครก็ได้กลายมาเป็นทีมที่ใครก็ไม่อยากมาต่อกรเลยทีเดียวจะปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆองค์ประกอบนี้นำมาความสำเร็จค่อยๆไหลเข้ามายังถิ่นแอนฟิลด์เข้ามาเรื่อยๆซึ่ง
จุดเริ่มต้นกลับมาความยิ่งใหญ่อีกของทีม ลิเวอร์พูลที่แฟนบอลได้ถวิลหาก็กลับมาได้อีกครั้งแต่ความสำเร็จที่หมดแค่นี้เท่านั้นถ้าตราบใดที่ขุมกำลังชุดนี้ยังคงอยู่เชื่อขนมกินได้เลยว่า แฟนบอลทีมหสง์แดงจะต้องได้เห็น เฮนเดอสันชูถ้วยจนเมื่อยมือย่างแน่นอนด้วยฟอร์มนักเตะที่ขึ้นหิ้งทุกตัวรวมทั้งกึ๋นระดับอัจฉริยะของคล็อปป์จะยังสามารถเสกความสำเร็จมาให้แฟนบอลเดอะค็อปได้ชื่นใจไปได้อีกนานนับจากนี้ต่อไป